ในขณะที่หลายๆ ประเทศกำลังตกเป็นที่จับตามองของสังคมโลกในการปล่อยมลพิษสู่ชั้นบรรยากาศ ในทางกลับกันประเทศเล็กๆ ในทวีปอเมริกาใต้อย่าง “อุรุกวัย” ได้พัฒนา เปลี่ยนแปลง และพิสูจน์ตัวเองให้ทั้งโลกได้เห็นว่าคุณภาพชีวิตของคนในประเทศกำลังจะดีขึ้น ด้วยการใช้พลังงานสะอาด
ประเทศอุรุกวัยกับประชากรไม่มากประมาณ 3.4 ล้านคน เมื่อเทียบกับประเทศอื่น สามารถแสดงให้โลกเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นทำได้ง่าย และมีการลงทุนไม่สูง โดยหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้คือเพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชนและการรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดีเพื่ออนาคตคนรุ่นหลัง
ในเวลาไม่ถึง 10 ปี
ประเทศอุรุกวัยได้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้โดยไม่ต้องพึ่งเงินสนับสนุนจากรัฐบาล ปัจจุบันมีการใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดถึง 94.5% ของการผลิตไฟฟ้าในประเทศ ซึ่งมีราคาผลิตต่ำกว่าการใช้เชื้อเพลิงแบบในอดีตที่ผ่านมา นอกจากนี้ระบบสายส่งไฟฟ้ายังมีปัญหาไฟดับหรือไฟฟ้าตกน้อยลง เนื่องจากระบบมีการเชื่อมต่อกับพลังงานที่มีความหลากหลายนั้น มีเสถียรภาพมากขึ้น
ในช่วง 15 ปีก่อนหน้านี้ ประเทศอุรุกวัยมีการใช้น้ำมันดิบถึง 27% ของการนำเข้า โดยที่น้ำมัน ก๊าซธรรมชาตินำเข้ามาโดยการวางท่อก๊าซใหม่จากประเทศอาร์เจนตินา แต่ปัจจุบันพลังงานที่สำคัญของประเทศนี้คือพลังงานลมโดยมีการนำเข้าใบพัดกังหันลมเป็นจำนวนมาก เพื่อติดตั้งกังหันลมในประเทศ นอกจากนี้การใช้พลังงานจากชีวมวล และพลังงานสะอาดแสงอาทิตย์ได้เริ่มมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น
“อุรุกวัย” กลายเป็นประเทศที่ได้รับคำชมจากทั่วโลก โดยเฉพาะด้านการใช้พลังงานสะอาด ที่ได้มีแนวคิดการใช้พลังงานที่ไม่ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคเศรษฐกิจซึ่งได้รับการยกย่องจาก World Bank และ The Economic Commission for Latin America and the Caribbean นอกจากนี้ องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล หรือ World Wide Fund for Nature (WWF) ได้ประกาศให้ประเทศอุรุกวัยเป็น "ผู้นำด้านพลังงานสะอาด (Green Energy Leaders) "
ประเทศเล็กๆ มีประชากรจำนวนไม่มาก แต่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานครั้งใหญ่จนได้รับคำชื่นชมจากทั่วโลก แสดงให้เห็นถึงทิศทางการเปลี่ยนแปลงของโลกในการใช้พลังงานสะอาดที่กำลังจะดีขึ้น เติบโตมากขึ้น จะเห็นได้ว่าการใช้พลังงานสะอาดนั้นไม่เพียงแต่เป็นการรักษาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ยังสามารถลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ใช้สำหรับผลิตไฟฟ้าได้อีกด้วย ในอนาคตถ้าหากประเทศไทยสามารถนำแนวคิดและหลักการดังกล่าวมาปรับใช้และพัฒนาด้านพลังงานทดแทนที่มีศักยภาพแล้ว อาจทำให้ประเทศไทยขึ้นเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดในแถบทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เช่นกัน ตามเจตนารมณ์ในการสนับสนุนและพัฒนาการใช้พลังงานสะอาดเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน จากกองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
Commenti