top of page

🚗ขับรถ EV ประหยัดดี ลุยน้ำได้🌊



หนึ่งในปัจจัยหลักของการเกิดภาวะโลกรวน คือการสะสมของก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas) ในชั้นบรรยากาศมากกว่าปกติ อันเนื่องมาจากมีการเผาไหม้ของพลังงานเชื้อเพลิง อย่างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซมีเทน ฯลฯ มากจนส่งผลเสียต่อความสมดุลของพลังงาน ซึ่งล้วนเกิดจากการกระทำของมนุษย์ทั้งสิ้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการหันมาใช้รถยนต์ EV ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% จึงเป็นทางเลือกที่ได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมตามนโยบายของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในเรื่องที่เกี่ยวกับการกำกับดูแลและส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างชัดเจน ซึ่งไม่ใช่แค่ช่วยลดการปล่อยก๊าซพิษในอากาศเท่านั้น แต่รถ EV ยังช่วยประหยัดเงินค่าน้ำมันที่นับวันราคาจะยิ่งสูงมากขึ้นทุกที


นอกจากจะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันเป็นสาเหตุหลักของการเกิดภาวะโลกรวนอย่างเห็นได้ชัด และช่วยประหยัดค่าครองชีพได้ดีแล้ว รถ EV ยังมีชิ้นส่วนกลไกในการขับเคลื่อนน้อยกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันทั่วไป ค่าซ่อมบำรุงจึงมีราคาถูกกว่า ทั้งยังไม่ต้องเปลืองเงินเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เพราะไม่มีเครื่องยนต์อีกด้วย


😃แม้รถ EV ที่เหมือนจะมีข้อดีอยู่มากมาย แต่หลายคนยังคงมีความลังเล และมีข้อกังขาคาใจในตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้านี้อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนของประเทศไทย ที่ไม่ว่าฝนจะตกน้อยหรือตกใหญ่หลายพื้นที่มักจะตกอยู่ในภาวะรอการระบายของน้ำ หรือจะเรียกให้ง่ายขึ้นว่า “น้ำท่วม” ทั้งสิ้น แล้วใครเล่าจะอยากเสี่ยงขับรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าไปลุยน้ำให้เสียวไส้ว่ารถ EV ของฉันนั้นจะพังหรือไม่


เราจึงหาคำตอบ เพื่อไขข้อข้องใจ คลายความกังขากันว่า รถ EV ที่แสนดีนี้ จะดีจริงครบถ้วน พร้อมลุยในทุกสถานการณ์ ไม่หวั่นแม้วันนั้นจะฝนตกน้ำท่วมได้จริงมั้ย


👉จากข้อมูล PTTGroup บริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) ระบุว่า รถ EV สามารถใช้งานได้ตามปกติแม้โดนฝน เพราะมอเตอร์ แบตเตอรี่ และอุปกรณ์เชื่อมต่อระบบไฟฟ้า ต่างได้รับการปกป้องเป็นอย่างดีด้วยฉนวนไฟฟ้า ทั้งยังสามารถขับลุยน้ำท่วม น้ำขัง และฝนตกหนักได้ แต่ความสูงของน้ำไม่ควรเกินล้อรถที่ระดับประมาณ 40 เซนติเมตร และไม่ควรจอดรถ EV แช่น้ำที่ท่วมขังเป็นเวลานาน เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ของรถได้ โดยเฉพาะแบตเตอรี่


สิ่งสำคัญที่ไม่ควรทำอีกสิ่งคือ การเสียบสายชาร์จไฟฟ้า ทั้งแบบ AC และ DC ในขณะที่ฝนกำลังตก แต่หากผู้ใช้รถ EV มีการชาร์จไฟฟ้าไว้ก่อนที่ฝนจะตก ก็สามารถชาร์จไฟฟ้าต่อไปได้โดยไม่มีปัญหาอะไร และหากจำเป็นจะต้องขับรถ EV ในขณะน้ำท่วม ควรเพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้นด้วยการใช้ความเร็วต่ำ ทั้งควรระมัดระวังสิ่งกีดขวางบนท้องถนนที่อาจเข้ามากระทบกับแบตเตอรี่ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของรถ EV


เพื่อความมั่นใจยิ่งขึ้นว่ารถ EV สามารถลุยน้ำได้ ดูได้จากมาตรฐานของอุปกรณ์ในรถยนต์ EV ส่วนใหญ่จะผ่านมาตรฐานที่ระดับ IP67 ขึ้นไป โดยมาตรฐาน IP (International Protection Standard หรือ Ingress Protection Rating) เป็นตัวบ่งชี้ระดับมาตรฐานการป้องกันฝุ่นและน้ำสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือเครื่องจักร โดยวิธีการบอกระดับจะเป็นการใส่ตัวย่อ IP และตามด้วยเลขระดับต่างๆ


สำหรับมาตรฐาน IP67 เลข 6 คือมาตรฐานที่แสดงว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือของสิ่งนั้นสามารถป้องกันฝุ่นได้เป็นอย่างดี ส่วนเลข 7 คือระดับความสามารถในการป้องกันการแทรกซึมจากการถูกแช่น้ำได้ที่ความลึกสูงสุด 1 เมตร เป็นระยะเวลาสูงสุด 30 นาที รู้อย่างนี้แล้ว จึงควรต้องตรวจสอบดูเอกสารของรถ EV ด้วยว่า สามารถลุยน้ำ หรืออยู่ในน้ำได้ในระดับไหน เมื่อหายข้องใจ คลายความสงสัยกันแล้ว ก็ไม่ต้องลังเลกันอีกต่อไป เปลี่ยนมาใช้รถ EV กันดีกว่า เพื่อวันข้างหน้า เพื่อโลกที่ดีกว่าและกลับมาอยู่อีกครั้ง


ที่มา :


bottom of page